คำนามที่ลงท้ายด้วย –f หรือ –fe ให้เปลี่ยนตัว –f หรือ –fe เป็น –v แล้วเติม –es เช่น life (ไลฟ) lives (ลายฟส์) ชีวิต shelf (เชลฟ์) shelves (เชลฟส์) ชั้นวางของ loaf (โลฟ) loaves (โลฟส์) ก้อนขนมปัง thief (ธีฟ) thieves (ธีฟส์) โจร wife (ไวฟ) wives (ไวฟส์) ภรรยา 6. คำนามบางคำ เวลาทำให้เป็นพหูพจน์ เราต้องเปลี่ยนรูปคำนั้นทันที อันนี้เรามักจะพบเห็นกันอยู่บ่อยๆค่ะ เช่น child (ชายลด์) children (ชิล-เดริน) เด็ก tooth (ทูธ) teeth (ทีธ) ฟัน foot (ฟุท) feet (ฟีท) เท้า mouse (เมาส์) mice (ไมส์) หนู man (แมน) men (เม็น) ผู้ชาย 7. คำนามบางคำ สามารถใช้รูปเดิมได้ทั้งเวลาเป็นเอกพจน์หรือพหูพจน์ อันนี้ง่ายเลยค่ะ ไม่ต้องเปลี่ยนรูป หรือเติมอะไรเลย สบ๊าย สบาย ส่วนมากก็จะเป็นคำที่เกี่ยวกับสัตว์ทั้งนั้น มาดูกันว่ามีคำไหนบ้าง เช่น fish ฟิช (ปลา) deer เดียร์ (กวาง) sheep ชีพ (แกะ) 8. คำนามบางคำเป็นพหูพจน์อยู่เสมอ ง่ายๆคือต้องมี –s หรือ –es ต่อท้ายตลอด ไม่มีไม่ได้ เช่น scissors ซิส-เซอร์ส (กรรไกร) pants แพ้นท์ส (กางเกง) clothes โคลธส์ (เสื้อผ้า) jeans จีนส์ (กางเกงยีนส์) glasses แกลส-เซส (แว่นตา) noodles นู-เดิลส์ (บะหมี่) goods กู้ดส์ (สินค้า) พอเข้าใจเรื่องการเปลี่ยนคำนามเอกพจน์เป็นพหูพจน์แล้วใช่มั้ยคะ?
ลองมาฝึกทำแบบฝึกหัด และฝึกออกเสียงได้เลย ทำแบบฝึกหัดคำนามเอกพจน์และคำนามพหูพจน์ คลิ๊ก (กำลังอัพเดท) ฝึกอ่านออกเสียง -s และ -es คลิ๊ก (กำลังอัพเดท) Part 2 คำนามนับได้ (Countable Noun) และคำนามนับไม่ได้ (Uncountable Noun) คลิ๊ก Part 3 คำนามทั่วไป (Common Noun) แบะคำนามเฉพาะ (Proper Noun) คลิ๊ก Part 4 คำนามที่ใช้บอกอาการ (Abstract Noun) คลิ๊ก