90877.com

ผู้นำ ตาม สถานการณ์

Mon, 05 Sep 2022 17:32:04 +0000

ทฤษฎีนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานขององค์ประกอบ 3 ประการ คือ 1. จำนวนปริมาณของคำสั่ง (พฤติกรรมด้านงาน) ที่ผู้นำแสดงออกในแต่ละสถานการณ์ เป็นขั้นตอนพฤติกรรมที่ผู้นำเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยการสื่อความหมายทางเดียว โดยอธิบายว่า อะไรที่ผู้ตามจะกระทำ จะทำเมื่อไร ทำที่ไหน และทำอย่างไร เพื่อให้งานในหน้าที่ได้รับผลสำเร็จ 2. จำนวนปริมาณของการสนับสนุนทางอารมณ์สังคม (พฤติกรรมด้านมนุษยสัมพันธ์) ที่ผู้นำกำหนดในแต่ละสถานการณ์ เป็นขั้นพฤติกรรมที่ผู้นำเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยการสื่อความหมายสองทาง โดยการให้การสนับสนุนด้านอารมณ์สังคม การให้กำลังใจ การจูงใจ และพฤติกรรมที่เอื้ออำนวยความสะดวกต่าง ๆ 3. ระดับความพร้อม ของผู้ตามหรือกลุ่มที่แสดงออกในการปฏิบัติงานที่ได้รับมอบหมาย บทบาทหน้าที่ ความรับผิดชอบ หรือวัตถุประสงค์ ซึ่งผู้นำพยายามให้ผู้ตามกระทำให้สำเร็จ มโนทัศน์นี้ได้พัฒนาเพื่อช่วยให้ผู้ที่แสดงภาวะผู้นำในการติดต่อประจำวันกับผู้อื่น ให้มีประสิทธิผลมากยิ่งขึ้น โดยไม่คำนึงว่าบทบาทของเขาเป็นอย่างไร ช่วยให้ผู้นำมีความเข้าใจเกี่ยวกับสัมพันธภาพระหว่างสไตล์ภาวะผู้นำที่มีประสิทธิผล และระดับวุฒิภาวะของผู้ตาม ทฤษฎีภาวะผู้นำตามสถานการณ์ (situation leadership theory) ของ Hersey & Blanchard ( เฮอร์เซย์และบลันชาร์ด) จัดกลุ่มคน ไว้ 4 กลุ่ม ดังนี้ 1.

พัชรนันท์ ถาดทอง: ทฤษฎีภาวะผู้นำแบบ Hersey and Blanchard ‘s Situation Leadership Theory

ทุกคนต้องให้บริการด้วยความเต็มใจ มีจิตอาสาต่อผู้โดยสารและประชาชน Asset พัฒนาสถานีหลักให้สอดคล้องกันกับสถานีกิจการที่เชื่อมต่อ นำทรัพย์สินที่มีอยู่ เช่น ที่ดิน สิ่งปลูกสร้างมาทำให้เกิดมูลค่าเพื่อชดเชยรายได้ค่าโดยสารที่ลดลงไป Fiem นำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาบริหารจัดการ เพื่อปรับเปลี่ยนองค์กรให้ทันสมัย เพิ่มทักษะให้กับพนักงานเติมเข้าสู่ "Digital Transport" ในอนาคต องค์กรที่มีคุณภาพต้องมีความทันสมัย บุคลากร ต้องทันต่อเทคโนโลยี มีการปรับตัวนำเทคโนโลยีที่ให้ไว้มาใช้กับการทำงาน"นโยบาย Smart Digital Technology ทั้ง 4 ด้าน จะช่วยขับเคลื่อนและพัฒนาให้ บขส. ก้าวไปอย่างมั่นคง เป็นองค์กรที่มีความเป็นมืออาชีพ ตลอดจนสามารถพัฒนาธุรกิจ ให้มีผลประกอบการที่ดี และเป้าหมายสำคัญ คือ บขส.

ทฤษฎีภาวะผู้นำตามสถานการณ์ Feidler, House - YouTube

มีแนวทางจะนำรถไฟฟ้ามาใช้แทนรถใช้น้ำมันทั้งหมด คาดว่าภายใน 2-3 เดือน อาจจะได้เห็นรูปร่างของ ทีโออาร์ ออกมาให้เอกชนประมูล และคาดว่าจะสามารถดำเนินการได้ในปี 2566 เป็นต้นไป "ขอฝากถึงผู้ใช้บริการด้วยว่า ทาง บขส. ผมขอยืนยันว่าจะให้บริการประชาชนอย่างเต็มที่ตามความสามารถในการให้บริการ ความปลอดภัย การดูแลพี่น้องประชาชนในการเดินทางต่างๆ ในเรื่องของความ สะอาด สะดวก ปลอดภัย ซึ่งคณะกรรมการบริษัท ได้มีฉันทามติกันว่า หลังจากที่เราได้ทำตามนโยบายที่วางไว้ โดยพยายามทำการลดรายจ่ายกันแล้ว ภายใต้การบริหารต้นทุนที่ดี ก็น่าจะทำให้กิจการ บขส. ดีขึ้นได้ และหากสถานการณ์ โควิคคลี่คลาย ประชาชนกลับมาใช้บริการสู่สภาวะปกติ บขส. ต้องดีขึ้นอย่างแน่นอน คาดว่าภายในปีที่ 3 ของการทำงานของผม จะมีความสมบูรณ์ทุกระบบและการให้บริการด้วยความเป็นมิตร โดยเฉพาะการให้บริการขนส่งผู้โดยสารด้วยความปลอดภัย ซึ่งเป็น นโยบายในลำดับแรกๆที่ถือเป็นเรื่องสำคัญ"

ตามทฤษฎีนี้ผู้นำที่ดีจะต้องสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและวิธีการของเขาในการกำกับสภาพแวดล้อมเฉพาะที่เขาพบว่าตัวเอง ในการศึกษาของพวกเขา Paul Hersey และ Kenneth Blanchard พยายามที่จะแยกแยะความแตกต่างซึ่งเป็นประเภทที่พบบ่อยที่สุดของการเป็นผู้นำและผู้ใต้บังคับบัญชาของพวกเขาแต่ละคนมีประสิทธิภาพมากขึ้น. แบบจำลองของ Blanchard และ Hersey แยกแยะความแตกต่างระหว่างความเป็นผู้นำทั้งสี่ประเภทตามจำนวนพฤติกรรมการจัดการที่ผู้นำมีและการสนับสนุนที่เขาแสดงให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเห็น. ในทำนองเดียวกันมันแยกความแตกต่างระหว่าง "ระดับวุฒิภาวะ" สี่ระดับของพนักงานตามความสามารถของพวกเขาในการทำงานที่พวกเขาต้องปฏิบัติ. ประเภทของความเป็นผู้นำ ตามรายงานของ Blanchard และ Hersey ผู้นำต้องปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของเขากับผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นหลักตามระดับวุฒิภาวะของสิ่งเหล่านี้. ดังนั้นขึ้นอยู่กับว่าพวกเขาจะต้องมีคำสั่งมาก (กล่าวคือให้คำสั่ง) และว่าพวกเขาควรจะแสดงการสนับสนุนให้พนักงานของพวกเขาหรือไม่ความเป็นผู้นำสี่ระดับสามารถแยกแยะได้. สี่ระดับเหล่านี้เป็นที่รู้จักกันในชื่อต่าง ๆ หลายชื่อ แต่ที่พบบ่อยที่สุดคือ: - พูด. - ขาย. - มีส่วนร่วม.

‘บขส.’Digital Transport ก้าวสู่วิถีใหม่ผู้นำการขนส่งทางถนน – Thairemark

  • ภาวะผู้นำตามสถานการณ์ - GotoKnow
  • พัชรนันท์ ถาดทอง: ทฤษฎีภาวะผู้นำแบบ Hersey and Blanchard ‘s Situation Leadership Theory
  • HROD consultant by ครูพี่ตุ้ม: Situational Leadership หรือ ผู้นำตามสถานการณ์ (ตอนจบ)

ปัญหาที่ใหญ่ที่สุดที่ผู้ติดตามในสถานการณ์นี้ประสบคือความไม่มั่นคง ดังนั้นในระดับนี้ผู้นำจะต้องสามารถอธิบายได้ว่าทำไมคำแนะนำของเขาถึงพนักงานของเขาและให้ความสนใจกับคำแนะนำข้อสงสัยและข้อกังวลของเขา. ระดับที่สองเรียกว่า "ขาย" เพราะผู้นำจะต้องสามารถโน้มน้าวให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาในแบบที่เขาคิดว่าถูกต้องเพื่อดำเนินงานนอกเหนือไปจากความคิดที่ว่าพวกเขาจะสามารถดำเนินการได้. ที่นี่ผู้นำยังคงเป็นผู้ตัดสินใจ แต่ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถแสดงความคิดเห็นและเสนอการปรับปรุง ผู้นำจะต้องสามารถสรรเสริญพวกเขาเมื่อพวกเขาไปข้างหน้าหรือค้นพบวิธีที่เป็นนวัตกรรมใหม่ในการทำงานของพวกเขา. ระดับ 3: เข้าร่วม ระดับนี้จะถูกระบุเป็นพิเศษเมื่อผู้ติดตามสามารถทำงานของตนเองได้ด้วยตนเอง แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่พวกเขาสูญเสียบางส่วนของแรงจูงใจ. โดยทั่วไปแล้วเนื่องจากการเพิ่มความรับผิดชอบของพวกเขาพวกเขาอาจเริ่มเชื่อว่าพวกเขาถูกเอาเปรียบ สิ่งนี้จะเพิ่มความไม่มั่นคงและการทำงานแย่ลง. วัตถุประสงค์หลักของการเป็นผู้นำระดับที่สามคือการคืนแรงจูงใจให้กับพนักงาน เพื่อให้บรรลุสิ่งนี้ผู้นำจะต้องทำให้พวกเขามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกระบวนการตัดสินใจของทีม ในเวลาเดียวกันคุณควรสนับสนุนพวกเขาและแสดงให้พวกเขาเห็นสิ่งที่พวกเขาทำได้ดีเพื่อที่พวกเขาจะได้กลับมามีความมั่นใจ.

สุดยอดผู้นำตามสถานการณ์ (Situational Leadership)

มีบัญชีอยู่แล้ว? เมื่อวาน เวลา 04:35 • ความคิดเห็น คุณรู้สึกยังไง กับการปิดถนน เพื่อขบวนเสด็จ?

การสร้างความผูกพันของพนักงาน (Employee Engagement) 7. ความสำคัญและกระบวนการสร้างความศรัทธาและเชื่อถือ สร้างความไว้วางใจ (Build Trust) / ตอกย้ำสิ่งที่ดี เมื่อเกิดความผิดพลาด จงเบี่ยงเบนพลัง วิธีการชมเชยและการตอบสนอง 8. การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน Play: เล่นให้เป็นงาน Make Their Day: สร้างสรรค์วันดี Be There: อยู่ตรงนั้น Choose Your Attitude: เลือกทัศนคติ การประเมินผล การทดสอบความรู้ของผู้เข้ารับการฝึกอบรม (Pre test - Post test) มีระบบการประเมินผลในการฝึกอบรม และนำมาวิเคราะห์เพื่อชี้วัดความสำเร็จ รูปแบบการฝึกอบรม การบรรยายแบบมีส่วนร่วม (Participative Techniques) การระดมความคิดเห็น (Brainstorming) แบบวิเคราะห์พฤติกรรมรายบุคคล (Personality Test) เรียนรู้จากสื่อมัลติมีเดีย Workshop ระยะเวลา 1 วัน 25 มีนาคม 2563 ผู้ชม 888 ครั้ง

ผู้นำประเทศและผู้นำในแต่ละภาคส่วนของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องมีความชัดเจนในการตัดสินใจ เช่น การจะใช้มาตรการปิด-เปิดเมืองจะต้องดำเนินการอย่างชัดเจนว่าจะใช้เวลาเท่าไร และมีมาตรการรองรับเพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างไร เพื่อให้ประชาชนสามารถปฏิบัติตนเพื่อรับมือกับการปิดเมืองได้อย่างถูกต้อง ไม่เกิดความตื่นตระหนก ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาตามมาเนื่องจากความไม่แน่นอน 2. ผู้นำประเทศและผู้นำในแต่ละภาคส่วนของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องระมัดระวังการสื่อสารในพื้นที่สาธารณะ เนื่องจากโควิด-19 เป็นโรคระบาดที่เกิดขึ้นใหม่ ข้อมูลต่างๆ ยังไม่มีความชัดเจน เมื่อผู้นำทำการสื่อสารในพื้นที่สาธารณะจะต้องไม่กล่าวในสิ่งที่ไม่ถูกต้องหรือยังไม่แน่นอนชัดเจนออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงการสร้างความเข้าใจผิดหรือตื่นตระหนกในหมู่ประชาชน 3. ผู้นำประเทศและผู้นำในแต่ละภาคส่วนของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่เหมาะสมต่อประชาชน เช่น การสวมใส่หน้ากากอนามัย หรือการฉีดวัคซีน เป็นต้น เพื่อให้ประชาชนเกิดความมั่นใจในแนวทางปฏิบัติ 4. ผู้นำประเทศและผู้นำในแต่ละภาคส่วนของหน่วยงานที่มีส่วนเกี่ยวข้อง จะต้องบังคับใช้มาตรการป้องกันความเสี่ยงอย่างจริงจัง และไม่มีการเลือกปฏิบัติ เช่น การคอรัปชั่น (กรณีเจ้าหน้าที่รัฐมีส่วนในการนำเข้าแรงงานต่างด้าว 13 หรือกรณีการไม่ปราบปรามบ่อนการพนัน 14) เพื่อควบคุมความเสี่ยงไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและสังคมในระยะยาว และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนว่าภาครัฐบังคับใช้มาตรการต่างๆ จริง แหล่งข้อมูลอ้างอิง 1 11-march-2020 2; 3 4 5 6 7 8 9 11 12 ุขภาพ/140427 13 14 บทความนี้เป็นส่วนหนึ่งของ โครงการประเมินผลกระทบของโควิด-19 ต่อสังคมและเศรษฐกิจ สนับสนุนโดย สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช. )

ผู้นำแบบเน้นการทำงานแบบมีส่วนร่วม (Participation) ผู้นำประเภทนี้จะคอยอำนวยความสะดวกต่างๆในการตัดสินใจ มีการซักถาม มีการติดต่อสื่อสาร 2 ทางหรือรับฟังเรื่องราว ปัญหาต่างๆจากผู้ตาม คอยให้ความช่วยเหลือในด้านต่างๆทั้งทางตรงและทางอ้อม ทำให้ผู้ตามปฏิบัติงานได้เต็มความรู้ความสามารถและมีประสิทธิภาพ เหมาะกับผู้ตามที่มีความพร้อมอยู่ในระดับ 3 (M3) คือความพร้อมของผู้ตามอยู่ในระดับปานกลางถึงระดับสูง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีความสามารถแต่ไม่เต็มใจที่จะรับผิดชอบงาน 4. ผู้นำแบบมอบหมายงานให้ทำ (Delegation) ผู้บริหารเพียงให้คำแนะนำและช่วยเหลือเล็กๆน้อยๆ ผู้ตามคิดและตัดสินใจเองทุกอย่าง เพราะถือว่าผู้ตามที่มีความพร้อมในการทำงานระดับสูงสามารถทำงานให้มีประสิทธิภาพได้ดี เหมาะกับผู้ตามที่มีความพร้อมอยู่ในระดับ 4 (M4) คือ ความพร้อมอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นบุคคลที่มีทั้งความสามารถและเต็มใจหรือมั่นใจในการรับผิดชอบการทำงาน 4. Fiedler's Contingency Model of Leadership Effectiveness Fiedler กล่าวว่า ภาวะผู้นำที่มีประสิทธิภาพต้องประกอบด้วยปัจจัย 3 ส่วน คือ 1. ความสัมพันธ์ระหว่างผู้นำและผู้ตาม บุคลิกภาพของผู้นำ มีส่วนสำคัญ ที่จะทำให้กลุ่มยอมรับ 2.

ทะเล-คลอง-หาด