ตั้งแต่การมาถึงของ iOS 15 อย่างเป็นทางการในเวอร์ชันเริ่มต้นเมื่อวันที่ 20 กันยายน พ. ศ. 2021 มีการรายงานจุดบกพร่องจำนวนมากที่ทำให้ประสบการณ์ของผู้ใช้มัวหมองในระดับมากหรือน้อย ต่อไปเราจะบอกคุณว่าปัญหาเหล่านี้คืออะไรและมีวิธีแก้ไขหรือไม่ ทำไมฉันถึงมีปัญหากับ iOS ข้อผิดพลาดที่ปรากฏในระบบปฏิบัติการเป็นเรื่องปกติอย่างสมบูรณ์และอาจเกิดจากสาเหตุต่างๆ อย่างแรกคือพวกมันคือ ความล้มเหลวทั่วไป ที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้ทั้งหมดหรือส่วนที่ดีของพวกเขา สิ่งเหล่านี้เกิดจากการเพิ่มประสิทธิภาพที่ไม่ดีโดย แอปเปิล และมักจะพบได้ทั่วไปในเวอร์ชันแรกของระบบ (ดู iOS 15.
ตรี วิศวกรรมซอฟต์แวร์ ป. โท บริหารธุรกิจ ม. พายัพ ชอบความสวยงามแบบเรียบง่าย ตามแบบฉบับของ Apple @Contact:
ลงทะเบียน iOS 15 Public Beta ไปที่เว็บไซต์ (เปิดด้วยแอป Safari) > แตะปุ่ม Sign Up (เลื่อนลงมากลางจอ) หรือ Sign in (หากเคยลงทะเบียนไปแล้ว) > กรอก Apple ID ของเราให้เรียบร้อย เลือก OS สำหรับ iPhone ให้แตะแถบ "iOS" (ส่วน iPad ให้แตะ "iPadOS") > เลื่อนลงมาด้านล่าง แตะ "enroll your iOS device" แตะปุ่ม "Download profile" > แตะ "อนุญาต" (Allow) 2. ติดตั้งโปรไฟล์ ไปที่การตั้งค่า (Settings) ก็จะเห็น "ดาวน์โหลดโปรไฟล์แล้ว" ให้แตะเข้าไปได้เลยแล้วแตะ "ติดตั้ง" (Install) ถ้าไม่มีให้ไปที่ ทั่วไป (General) > โปรไฟล์ (Profile) > แตะ iOS 15 & iPadOS 15 Beta Software แตะ "ติดตั้ง" (Install) > กรอกรหัสผ่านเครื่อง > แตะ "ติดตั้ง" (Install) > เสร็จสิ้น หรือแตะ "เริ่มการทำงานใหม่" (ถ้ามี) รอให้อุปกรณ์อัปเดต iOS 15 Public beta Profile เสร็จสิ้น อุปกรณ์จะ Reboot ใหม่ (บางเครื่องจะขึ้นให้กด) 3.
จะอยู่ลงไปกลางๆ ของเมนู 3 เลื่อนสวิตช์ "Updates" ไปที่ on. เพื่อตั้งค่าให้ iPad อัพเดทแอพอัตโนมัติเมื่อมีอัพเดทใหม่ และเชื่อมต่อเน็ต Wi-Fi อยู่ 4 เสียบสายชาร์จ. พอ iPad เสียบสายชาร์จและต่อ Wi-Fi แล้ว อัพเดทของแอพจะดาวน์โหลดอัตโนมัติ 1 ใช้ iPad Pencil กดแอพที่รอดาวน์โหลดค้างไว้. 3D Touch ใช้ได้เฉพาะกับ iPad เวอร์ชั่น iOS 10 และต้องมี iPad Pencil ด้วย ให้ใช้ Pencil กดแอพที่รอดาวน์โหลดค้างไว้ [2] 2 เลือก "Prioritize Download" จากในเมนูที่โผล่มา. เพื่อย้ายแอพขึ้นไปในคิวรอดาวน์โหลด ต่อจากแอพที่กำลังอัพเดทอยู่ 3 รอจนดาวน์โหลดอัพเดทของแอพเสร็จ. หลังจากแอพปัจจุบันอัพเดทเสร็จ แป๊บเดียวแอพใหม่ก็จะเริ่มอัพเดท [3] เกี่ยวกับวิกิฮาวนี้ มีการเข้าถึงหน้านี้ 4, 051 ครั้ง บทความนี้เป็นประโยชน์กับคุณไหม
เปิดฟีเจอร์ Reduce Motion อีกหนึ่งฟีเจอร์ที่จะช่วยประหยัดแบตเตอรี่ iPhone ได้มากขึ้น เนื่องจากการเปิดใช้งานฟีเจอร์ Reduce Motion จะช่วยลดการแสดงผลกราฟิกหน้าจอขณะใช้งาน หรือลดการใช้งานแอนิเมชั่นเคลื่อนไหวต่าง ๆ เช่น เวลาที่เรากดปุ่มโฮม หรือเปิด-ปิดแอพฯ ต่าง ๆ เป็นต้น โดยสามารถเข้าไปเปิดฟีเจอร์นี้ได้ที่ Settings > General > Accessibility และเลือกเปิด Reduce Motion 3. เปิดโหมด Lower Power Mode โหมดประหยัดพลังงานที่ผู้พัฒนาเคลมว่าจะช่วยยืดแบตเตอรี่ iPhone ขึ้นอีก 1 ชั่วโมง โดยสามารถเข้าไปเปิดโหมด Lower Power Mode ได้ที่ Settings > General > Battery แล้วเลือกเปิด Lower Power Mode เพียงเท่านี้โหมดประหยัดแบตเตอรี่ก็จะปรับแต่งการใช้งานที่ไม่จำเป็นในส่วนต่าง ๆ ให้น้อยลงทันที 4. ปิดฟีเจอร์ Background App Refresh ปิดฟีเจอร์ Background App Refresh เนื่องจากฟีเจอร์ดังกล่าวจะทำงานตลอดเวลาขณะที่ iPhone มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตอยู่ แม้จะไม่ได้ใช้งานอยู่ก็ตาม ส่งผลให้แบตเตอรี่หมดไวขึ้นกว่าเดิม โดยสามารถเข้าไปปิดฟีเจอร์ดังกล่าวได้ที่ Settings > General และเลือกปิด Background App Refresh 5. ปิดโหมด Auto-Brightness ผู้ใช้ควรเลือกปรับระดับความสว่างของจอ iPhone ให้พอเหมาะกับการใช้งาน หรือปิดโหมด Auto-Brightness เพื่อลดการใช้พลังงานภายในเครื่อง อันเป็นเหตุทำให้แบตเตอรี่หมดเร็วกว่าปกติ โดยสามารถเข้าไปตั้งค่าได้ที่ Settings > Display & Brightness แล้วปรับความสว่างจอให้น้อยลงที่ Brightness หรือเลือกปิด Auto-Brightness เพื่อปิดการใช้งานปรับความสว่างหน้าจออัตโนมัติ 6.
iOS 15 อัปเดตล่าสุดมาแล้ว มีฟีเจอร์ใหม่อะไรบ้าง พร้อมวิธีอัปเดตและรายชื่อ iPhone รุ่นที่รองรับ iOS 15 ที่สาวกควรรู้ ในที่สุดแอปเปิลก็ได้ปล่อย iOS 15 ให้ชาว iPhone ได้อัปเดตกันเสียที โดยในเวอร์ชั่นนี้จะมีฟีเจอร์ใหม่ ๆ มากมาย ที่จะทำให้ใช้งานได้ดีและสะดวกยิ่งขึ้น ซึ่งเราได้รวบรวมข้อมูลสิ่งที่น่ารู้เบื้องต้นก่อนอัปเดต iOS 15 มาให้อ่านกันแล้ว ว่ามีฟีเจอร์อะไรเด่น ๆ บ้าง รวมทั้งรองรับ iPhone รุ่นไหน และอัปเดตยังไง ไปดูกันเลย ภาพจาก: Kicking Studio / iOS 15 ฟีเจอร์เด่น - FaceTime เสียงตามตำแหน่งของคนนั้น ๆ ที่แสดงอยู่บนหน้าจอในการโทร.
7 (Lion) หรือสูงกว่านั้น ดาวน์โหลด ROTOR Softwareสำหรับเชื่อมต่อ สำหรับ Windows ดาวน์โหลดได้ที่: Windows INPower v 2. 5 สำหรับ Mac ดาวน์โหลดได้ที่: Mac INPower v 2. 5 แต่จะมีวิธีการที่ยุ่งยากกว่าเล็กน้อยต้องดาวโหลด Mono MDK มาลง สามารถอ่านขั้นตอนการลงได้ที่นี่ ดาวน์โหลด ROTOR พาวเวอร์มิเตอร์ เฟิร์มแวร์ สามารถเช็กเฟิร์มแวร์ใหม่ๆ ได้ที่เว็บไซต์ ROTOR ในหน้า Power Meter Software and Support 2inPower v 1. 061 INpower v 2. 202 – สำหรับ INPower 2017 หรือเก่ากว่า และ INPower ที่ไม่รองรับการต่อเชื่อมโดยตรง (non-direct-mount) INpower DM – สำหรับรุ่นปี 2018 หรือใหม่กว่าที่รองรับการเชื่อมต่อโดยตรง (Direct-mount) INspider v 1.
ปิด Location Services การเปิดใช้งาน Location Services เพื่อค้นหาสถานที่หรือพิกัดต่าง ๆ ที่คุณอยู่ปัจจุบัน ถือเป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้แบตเตอรี่ iPhone หมดเร็วเป็นอันดับต้น ๆ เลยก็ว่าได้ ซึ่งหากผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องใช้งานตลอดเวลาให้ปิดการใช้งานจะดีกว่า ด้วยการเข้าไปที่ Settings > Privacy > Location Services จากนั้นให้เลือกเป็น While Using สำหรับแอพฯ ที่ต้องใช้งานบ่อย ๆ และ Never สำหรับแอพฯ ที่ไม่ใช้งาน 10. ปิดการดึงข้อมูลแอพฯ อีเมลอัตโนมัติ เนื่องจากแอพฯ อีเมลจะต้องใช้อินเทอร์เน็ตในการดึงจดหมายใหม่เข้ามา ซึ่งหากผู้ใช้ไม่จำเป็นจะต้องเช็กอีเมลบ่อย ๆ ให้ปิดการใช้งานได้ที่ Settings > Mail, Contacts, Calendars > Fetch New Data แล้วเลือกปิด Push และเลือก Manually 11. เปิดฟีเจอร์ Facedown Detection ฟีเจอร์ที่จะช่วยลดพลังงานการใช้หน้าจอลงอันเป็นสาเหตุของการสูบแบตเตอรี่ เพียงคว่ำเครื่องลงเวลาที่มีการแจ้งเตือนต่าง ๆ เข้ามา เช่น มีสายเรียกเข้า หรือแอพฯ ต่าง ๆ เด้งเตือน เป็นต้น จอก็จะดับลงทันที เหมาะสำหรับเวลาไม่สะดวกรับสาย หรือติดงานอยู่ และหน้าจอจะสว่างขึ้นต่อเมื่อผู้ใช้งานหยิบเครื่องขึ้นมาดู โดยเข้าไปเปิดใช้งานได้ที่ Settings > Privacy > Motion & Fitness แล้วเลือกเปิด Fitness Tracking ทั้งนี้ฟีเจอร์ Facedown Detection สามารถใช้งานได้กับ iPhone 5s ขึ้นไปเท่านั้น 12.